ล้มผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์
นายจำเนียร นนทะวงษ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจเศรษฐกิจแนวคิดใหม่ในอาเซียน อ.ศรีไศล จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเกษตรกรจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนหนัก จากการยกเลิกสัญญารับซื้อหญ้าเนเปียร์ โดยบริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ยูเอซี ซึ่งอ้างว่ารัฐยกเลิกโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียร์ 10 โครงการ ซึ่งโครงการของยูเอซีเป็น 1 ในนั้น ทำให้ไม่สามารถรับซื้อหญ้าจากเกษตรกรได้ แต่เกษตรกรได้ปลูกไปแล้วเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันไม่มีผู้รับซื้อ ทำให้เกษตรกรที่เปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวมาปลูกหญ้าเนเปียร์ ได้รับความเดือดร้อน
ที่ผ่านมา กลุ่มฯ ได้เข้าพบตัวแทนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมว่า รัฐยกเลิกโครงการไปแล้ว ทำให้กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกหญ้าเนเปียร์ตามนโยบายของภาครัฐ และทำตามคำแนะนำของ พพ.และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้องเป็นผู้รับความเสียหายทั้งหมด โดยที่รัฐไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแต่อย่างใด เพียงแต่ตอบว่ายกเลิกโครงการไปแล้วเท่านั้น ขณะที่เกษตรกรต้องสูญเสียรายได้ เพราะหากปลูกข้าวก็คงมีรายได้พออยู่พอกิน แต่ต้องมาเดือดร้อนเพราะนโยบายของภาครัฐ
"ยูเอซี ทำสัญญารับซื้อหญ้าเนเปียร์จากกลุ่มเกษตรกร อำเภอศรีไศล จำนวน 500-600 ไร่ เพื่อส่งไปยังโรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียร์ในพื้นที่ใกล้เคียง ตอนนี้เกษตรกรปลูกไปแล้วเกือบ 100 ไร่ ราคารับซื้อท่อนพันธุ์ประมาณ 3 พันบาทต่อตัน จากนั้นก็มีสัญญาเพื่อขยายพื้นที่ให้ได้ตามแผน โดยราคารับซื้อท่อนพันธุ์จะแพงเพราะใช้ระยะนานแต่ก็เป็นราคาที่ตกลงก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันเมื่อยกเลิกโครงการ ผมในฐานะประธานกลุ่มฯ ถูกชาวบ้านร้องเรียน และไม่เชื่อมั่น เพราะคิดว่าผมหลอก ดังนั้นจึงต้องการความชัดเจนจากทางภาครัฐโดยเร็วที่สุด"นายจำเนียรกล่าว
พร้อมกันนี้ กลุ่มฯ ได้เดินทางไปหารือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อขอให้หาแนวทางช่วยเหลือ เบื้องต้นทางกระทรวงวิทย์ฯ พร้อมเป็นที่ปรึกษาโครงการโรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียให้ หากกลุ่มฯ ได้รับเงินสนับสนุนโครงการจากทางกระทรวงพลังงาน ที่จะจ่ายให้กับเอกชน ก็จะมาสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 20 ล้านบาทแทน โดยจะนำมาทำเองไม่ต้องผ่านเอกชน ซึ่งจะมีการรับรองโครงการและควบคุมโครงการโดยกระทรวงวิทย์ฯ ส่วนชาวบ้านมีความรู้เรื่องปลูกหญ้าเนเปียร์ก็จะร่วมกันทำ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับชุมชนมากกว่านำเงินให้เอกชนลงทุน
ในเดือนตุลาคมนี้ กลุ่มฯ จะทำหนังสือร้องเรียนไปยังกระทรวงพลังงาน เพื่อเร่งหาแนวทางช่วยเหลือ รวมทั้งจะเสนอทำโครงการดังกล่าวต่อไป โดยจะมีรายละเอียด แบบโครงการ และผลตอบแทน ซึ่งทางกระทรวงวิทย์ฯ จะเป็นผู้ออกแบบ และให้รายละเอียดดังกล่าว เพื่อเสนอไปยังกระทรวงพลังงาน
เผยโครงการถูกคตร.สั่งยกเลิก
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ หรือยูเอซี กล่าวว่า หลังจากโครงการดังกล่าวถูก คณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ยกเลิก ทางบริษัทได้บอกยกเลิกสัญญารับซื้อหญ้าเนเปียร์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อ.ศรีไศล จ.ศรีสะเกษ เพราะไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 1 เมกะวัตต์ได้ตามแผน ซึ่งบริษัทเองก็เสียใจ แต่ขอให้เกษตรกรรอดูทิศทางของกระทรวงพลังงานก่อนว่าสุดท้ายแล้วจะยังคงส่งเสริมโครงการนำร่องต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม บริษัททำสัญญารับซื้อหญ้าเนเปียร์จำนวน 500-600 ไร่ ภายในปี 2558 ภายหลังจากโรงไฟฟ้าสร้างเสร็จตามแผน แต่เมื่อโครงการดังกล่าวยกเลิกไป บริษัทก็มีความเสียหายเช่นกัน เนื่องจากได้จ่ายเงินมัดจำพื้นที่ปลูกและพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าไปแล้วจำนวนหนึ่ง รวมทั้งจ่ายเงินค่าแบบก่อสร้างไปแล้ว ขณะเดียวกัน เกษตรกรก็ต้องเดือดร้อน เพราะมีการลงมือเพาะปลูกท่อนพันธุ์ไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นต้องการให้กระทรวงพลังงานสร้างความชัดเจนนโยบายนี้ พร้อมทั้งออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรดังกล่าวด้วย
"ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำหนังสืออุทธรณ์ไปยังกระทรวงพลังงานเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2557 ว่าไม่ควรยกเลิกโครงการดังกล่าว เพราะมีการเดินหน้าโครงการไปบางส่วนแล้ว แต่ทางกระทรวงฯ ก็มีหนังสือตอบกลับมาแล้วว่าเป็นการยกเลิกของกองทุนอนุรักษ์ ซึ่งบริษัทเองก็ไม่สบายใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นคำสั่งของภาครัฐ อย่างไรก็ตามรัฐควรมีมาตรการเยียวยาเกษตรกรต่อไป" นายกิตติ กล่าว
ชี้เอกชนทำได้ แต่ไม่ได้รับเงินอุดหนุน
นายอารีพงศ์กล่าวว่า โครงการนำร่องโรงไฟฟ้าหญ้าเนปียร์จำนวน 10 โครงการของกองทุนอนุรักษ์พลังงาน ต้องยุติไปตามคำสั่ง คตร. ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและเกษตรกรที่เดินหน้าโครงการไปบางส่วนแล้ว แต่กระทรวงฯ ไม่ได้ห้ามและยกเลิกส่งเสริมหญ้าเนเปียร์ เพียงแต่ยุติโครงการนำร่องดังกล่าวเท่านั้น
ดังนั้น ผู้ประกอบการก็ยังสามารถเดินหน้าโรงไฟฟ้าหญ้าเนเปียร์ได้ แต่จะไม่ได้รับการอุดหนุนค่าไฟฟ้าจากภาครัฐ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากเนเปียร์ ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก จำนวน3,000 เมกะวัตต์ ภายในปี2564 และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ลงนามร่วมกับเอกชน 10 บริษัท ใน 3 พื้นที่ทั้งแล้งน้ำ ชุ่มน้ำ และปลูกข้าวไม่ได้ ในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเดินหน้าโครงการโครงการศึกษา วิจัย ต้นแบบวิสาหกิจชุมชนพลังงานสีเขียวจากพืชพลังงาน โดยบริษัทฯ ทั้งหมดจะได้รับงบสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานรายละไม่เกิน 20 ล้านบาทเพื่อผลิตไฟรายละ 1 เมกะวัตต์
บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประกอบด้วย 1. บริษัท เอ็น พี พาวเวอร์ จำกัด จ.เพชรบูรณ์ 2. บริษัท ไทยพีเอสเมกะพาวเวอร์ จำกัด จ.พิจิตร 3. บริษัท พรีไซซ์ พาวเวอร์ โปรดิวเซอร์ จำกัด จ.เพชรบูรณ์ 4. บริษัท ไทยไบโอก๊าซ เทคโนโลยี จำกัด จ.ลำปาง 5. บริษัท ลานไบโอก๊าซ จำกัด จ.หนองคาย 6. บริษัท บิเทโก (ประเทศไทย) จำกัด จ.อุบลราชธานี 7. บริษัท กรีนเอนเนอร์จี จำกัด จ.ขอนแก่น 8. บริษัท เอส เอ็ม ซี พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) จ.ร้อยเอ็ด 9. บริษัท สีคิ้ว ไบโอแก๊ส จำกัด จ.นครราชสีมา และ 10. บริษัท ยูเอซีเอ็นเนอร์ยี่ จำกัด จ.ศรีสะเกษ